พณ.เผยเงินเฟ้อ ม.ค.พุ่ง 3.23% พิษน้ำมันแพง สัญญาณขยับเพิ่มต่อเนื่อง

News

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กล่าวถึงดัชนีราคาผู้บริโภค หรือเงินเฟ้อทั่วไป เดือนม.ค.65 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 3.23 จากร้อยละ 2.17 ในเดือนก่อนหน้า สาเหตุที่เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นในเดือนนี้มาจากกลุ่มสินค้าพลังงาน ที่ได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ โดยสินค้ากลุ่มพลังงานสูงขึ้นร้อยละ 19.22 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2564 ดังนั้น สินค้าในกลุ่มพลังงานจึงมีผลต่อการขึ้นของเงินเฟ้อถึงร้อยละ 2.25 เมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่มอาหารสด อาทิ เนื้อสุกร ไก่สด และไข่ไก่ ส่งผลต่อเงินเฟ้อน้อยมาก โดยเนื้อสุกร มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.67 ไก่สด มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.03 และไข่ไก่ มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.05 นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่นๆที่ปรับราคาสูงขึ้นเล็กน้อยตามต้นทุน (ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง และค่าจ้างแรงงาน ) จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อไม่มากนัก อาทิ น้ำมันพืช อาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน และค่าบริการส่วนบุคคล แต่หากวิเคราะห์แม้อัตราเงินเฟ้อในเดือนม.ค.65 จะสูงแต่หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนยังถือว่าค่อนข้างต่ำ

 

ทั้งนี้สรุปได้ว่า สินค้าในกลุ่มพลังงานส่งผลให้เงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สินค้า กลุ่มอาหารยังไม่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ปรับลดลง อาทิ ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า ผักสด ผลไม้สด เสื้อผ้า ค่าเช่าบ้าน และค่าเล่าเรียน ส่งผลให้เงินเฟ้อของไทยขยายตัวในระดับที่ไม่สูงมากนักโดยเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในเดือนนี้ สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านอุปสงค์ ได้แก่ ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้ดี ด้านอุปทาน ได้แก่ กำลังการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และยอดการจัดเก็บภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิต ที่สูงขึ้นร้อยละ 8.7 จากร้อยละ 7.7 ในเดือนก่อนหน้า และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ที่สูงขึ้นร้อยละ 6.1 จากร้อยละ 8.9 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.6 จากระดับ 47.0 ในเดือนก่อนหน้า

โดย สนค.มองว่าแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไป เดือนก.พ.65 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่ไม่มากนัก สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาในตลาดโลก ประกอบกับราคาฐานของเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมายังอยู่ในระดับต่ำ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตาม ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ค่าจ้างแรงงาน และยกเลิกการยกเว้นการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการผลิตและราคาขายปลีกสินค้าและบริการในลำดับต่อไป นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อาทิ ค่าขนส่ง และต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาอาหารทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่ง สนค.คาดการณ์ไว้เงินเฟ้อในปี 65 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.7-2.4 โดยค่ากลางเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.5 เป็นต้น

นอกจากนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนมกราคม 65 จะสูงด้วยปัจจัยที่กล่าวมา หากพิจารณาเงินเฟ้อประเทศคู่ค้าสำคัญและในกลุ่มอาเซียน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2564) อาทิ สหรัฐอเมริกา สูงขึ้นร้อยละ 7.0 สหราชอาณาจักร สูงขึ้นร้อยละ 5.4 สิงคโปร์ สูงขึ้นร้อยละ 4.0 และฟิลิปปินส์ สูงขึ้นร้อยละ 3.6 ดังนั้น เมื่อพิจารณาภาวะเงินเฟ้อของหลายประเทศในสถานการณ์โลกปัจจุบันเงินเฟ้อของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักแต่อย่างใด

อ้างอิง
https://siamrath.co.th